
รถยนต์ไฟฟ้าบิน นวัตกรรมแห่งโลกอนาคต
เมื่อโลกเดินทางเข้าสู่โลกยุคดิจิตอลแบบเป็นทางการ นั่นจึงทำให้เราได้เห็นหลาย ๆ ประเทศเริ่มมีการพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ ขึ้นมามากมาย สาเหตุหนึ่งในการสร้างสรรค์เทคโนโลยีที่นอกเหนือจากการใช้งานแล้ว เทคโนโลยีเหล่านี้ยังเป็นตัวการันตีได้อีกว่า ประเทศนั้น ๆ มีศักยภาพเพียงพอ ที่จะร่วมคบค้าสมาคมเพื่อทำธุรกิจได้ทั้งในตอนนี้และในอนาคต
และหนึ่งในเทคโนโลยีที่ถูกพูดถึง ทั้งยังได้มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลานั่นคือยานพาหนะอย่างรถยนต์ ที่แต่เดิมก็มีไว้ใช้สำหรับการขับขี่บนถนนทั่วไป แต่ก็ยังมีคนเคยคิดกันเล่น ๆ ว่าถ้ารถยนต์เหล่านี้บินได้จะเกิดอะไรขึ้น?
เมื่อรถยนต์ไฟฟ้าบินได้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นอีกต่อไป
โดยก่อนหน้านี้เราได้นำเสนอบทความ EV ไม่ใช่เทรนด์ แต่อาจเข้ามาแทนรถยนต์แบบเดิมเร็วกว่าที่คิด ที่เกี่ยวกับการเดินหน้าผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของผู้ผลิตยานยนต์ เพื่อตอบสนองความต้องการของคนและเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงต่อภาวะโลกร้อน
มาถึงบทความนี้เราขอหยิบยกประเด็นที่กำลังเป็นกระแสอย่างรถยนต์ไฟฟ้าบินได้มาพูดกันบ้าง ซึ่งประเด็นนี้เป็นการทดสอบรถบินได้ระหว่างสนามบินในสโลวาเกีย (อ้างอิงจาก BBC Thai)

โดยการทดสอบในครั้งนี้ได้นำรถยนต์ต้นแบบมาบินทดสอบเป็นเวลา 35 นาที ระหว่างสนามบินนานาชาติในเมืองนิทราและบราติสลาวา ของสโลวาเกีย ซึ่งชื่อของมันก็เรียกตามตัวเลยค่ะว่า แอร์คาร์ (AirCar) ถูกผลิตโดยบริษัทไคลน์วิชั่น เป็นยานหนะลูกผสมระหว่างรถยนต์และเครื่องบิน แน่นอนว่ามันสามารถที่จะวิ่งบนถนนและกางปีกเพื่อบินบนน่านฟ้าได้ ซึ่งแอร์คาร์จะใช้เครื่องยนต์ของรถหรูยี่ห้อดังอย่าง บีเอ็มดับเบิลยู (BMW) และใช้เชื้อเพลิงปกติทั่วไป
ที่สำคัญแอร์คาร์เป็นความล้ำหน้าที่ใช้เวลาปรับโหมดจากรถยนต์ปกติให้กลายเป็นรถบินได้ภายในเวลา 3 นาที (บางสื่อรายงานว่าเวลาที่แน่นอนคือ 2 นาที 15 วินาที) ก็สามารถที่จะสยายปีกและบินร่อนบนท้องฟ้าได้ และจากการทดสอบสมรรถนะของแอร์คาร์ ก็ปรากฏว่าการทดสอบนั้นผ่านพ้นไปได้ด้วย และสำเร็จ
แอร์คาร์สำเร็จ หวังชิงตลาดแท็กซี่โดรน
ไคลน์ วิชัน (Klein Vision) เป็นบริษัทที่อยู่เบื้อหลังความสำเร็จในครั้ง ได้ระบุว่าพวกเขาใช้เวลาราว 2 ปี ในการพัฒนาพาหนะต้นแบบนี้ และใช้เงินลงทุนไม่ถึง 2 ล้านยูโร หรือประมาณ 76 ล้านบาท โดยเรื่องนี้ตัวเขาเองได้บรรยายความรู้สึกหลังจากการทดสอบ ว่า ‘น่าพอใจอย่างยิ่ง’ ช่วงเวลาที่บินอยู่บนอากาศ ยานพาหนะลำนี้สามารถเร่งความเร็วได้ถึง 170 กม./ชม. บรรทุกคนได้ 2 คน แต่ต้องมีน้ำหนักรวมกันไม่เกิน 200 กิโลกรัม

ซึ่งก่อนหน้านี้นครรัฐดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ก็ได้ก้าวล้ำการคมนาคมด้วยการเปิดตัว ‘โดรนแท็กซี่’ ที่เป็นอวกาศยานไร้คนขับ สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 1 คน และน้ำหนักไม่เกิน 100 กิโลกรัม สามารถบินบนน่านฟ้าได้นาน 30 นาที ด้วยความเร็วสูงสุด 160 กม./ชม. และสามารถบินได้ในระยะทาง 50 กิโลเมตร (ต่อการชาร์จแบตเตอรี่หนึ่งครั้ง)
โดรนแท็กซี่เป็นระบบอัตโนมัติที่ควบคุมโดยศูนย์บังคับการ ซึ่งผู้โดยสารสามารถที่จะเลือกจุดหมายปลายทางได้เอง

นั่นจึงเป็นข้อเปรียบเทียบของแอร์คาร์ เพราะแอร์คาร์ไม่สามารถบินขึ้นและลงในแนวดิ่งได้เหมือนกับแท็กซี่โดรน แต่จะต้องใช้ทางขึ้นลงของเครื่องบินเท่านั้น แต่ถึงอย่างไรก็มีความคาดหวังสูงมากในตลาดรถยนต์บินได้ เพราะอาจมองว่าเป็นทางออกในการขนส่งที่แออัดของปัจจุบัน นอกจากนี้ แอนตัน ราจัก (Anton Rajac) ที่ปรึกษาและนักลงทุนในไคลน์ วิชัน ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า หากทางบริษัทสามารถที่จะแบ่งส่วนแบ่งจากยอดขายแท็กซี่และสายการบินทั่วโลกเพียงแค่เล็กน้อย ก็ถือเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่แล้ว
ดร.สตีเฟน ไรต์ จากมหาวิทยาลัยเวสต์ออฟอิงแลนด์ ยังยอมรับเลยว่านวัตกรรมนี้เป็นนวัตกรรมที่เจ๋งมาก แต่นั่นก็ทำให้ตัวเขาเกิดคำถามมากมายถึงความปลอดภัยและเอกสารรับรอง ทั้งยังกล่าวว่าใคร ๆ ก็สามารถทำเครื่องบินได้ แต่ทำยังไงให้มันสามารถบินได้นับล้าน ๆ ชั่วโมง โดยเครื่องและคนไม่เกิดอุบัติเหตุ
เอาเป็นว่าในอนาคตเราอาจจะมีโอกาสได้เห็นหรือได้ทดลองใช้รถยนต์บินได้อย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้นมันคงจะมีความปลอดภัยและลดการเกิดอุบัติเหตุได้แน่ ๆ เอาเป็นว่าตอนนี้สมัคร gclub รอ แล้วเก็บเงินไปพลาง ๆ ดูท่าค่าใช้จ่ายน่าจะไม่เบา